อายเป็น

อาทิตย์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๒ ชัยชนะ เพื่อนสมัยเรียนวัดสระเกศด้วยกันจัดงานแต่งงานแถวๆ รัชดา-ท่าพระ

ตอนเช้าเมียถามว่าจะออกเดินทางไปงานตอนไหน เขาจัดงานกันตอนกี่โมง เราก็บอกว่าคงไปตอนเย็นเพราะต้องจัดการงานที่ค้างอยู่ให้เหลือน้อยๆ ก่อน เนื่องจากคาดว่าคงได้นั่งคุยกับเพื่อนๆ จนดึก และอาจจะไปต่อกันที่อื่นด้วย (เมียผมต้องไปทำงานเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเลยไม่ไปด้วย และคืนนี้เธอจะกลับไปนอนกับแม่ของเธอด้วย ทำให้ผมสามารถท่องราตรีได้นาน)

ปรากฏว่ากว่าจะจัดการงานอะไรต่ออะไรเรียบร้อย อาบน้ำ แต่งตัว ใส่น้ำหอม โป๊ะเจลแต่งผม งัดสูทมาใส่ และเดินออกจากคอนโดไปรอเรียกแท็กซี่ที่ริมถนน ตรงจุดที่ห่างจากคอนโดไปครึ่งป้ายรถเมล์ ก็เกือบจะ ๖ โมงเย็นแล้ว โชคดีมีแท็กซี่ขับตรงมาหาแทบจะในทันทีที่ไปยืนรอ จึงไม่ต้องคอยนานเหมือนครั้งก่อนๆ

สอบถามแท็กซี่ว่าไปโรงแรมนี้ถูกไหม เพราะเราเองก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อ แท็กซี่เอาแผนที่ไปดู แล้วบอกว่า “ขึ้นมาเลยพี่”

พี่คนขับเอาแผนที่ไปถือไว้ ยกแผนที่ขึ้นมาดูเป็นระยะๆ พร้อมกับวางแผนการเดินทางให้เราฟังไปด้วยว่าจะต้องวิ่งเส้นนี้ ออกเส้นนู้น หลบรถติดเข้าช่องนั้น กลับรถที่แยกโน้น แล้วเลี้ยวซ้าย ฯลฯ เราก็เออๆ ออๆ เพราะไม่รู้จักทาง แต่เท่าที่ฟังโชเฟอร์บรรยายประกอบแผนที่แล้วก็พอจะเข้าใจอยู่ และพอคนขับแท็กซี่ดูแผนที่และจำได้ขึ้นใจแล้วก็คืนมันมาให้เรา ทำให้มั่นใจว่าเขาพาเราไปถึงแน่ๆ

แต่ว่าบนถนนรถมันแน่น เราจึงเริ่มหงุดหงิด เพราะเป็นงานเลี้ยงโต๊ะจีน กลัวว่าพอไปถึงจะไม่ทันได้กินอะไร เพื่อนๆ ก็จะไปต่อกันที่อื่นแล้ว (โมโหหิวด้วยแหละ)

เราจึงเริ่มบ่นว่ากว่าจะไปถึงไม่รู้กี่โมง งานเขาก็เริ่มไปแล้วด้วยมั๊ง จากนั้นก็หยิบการ์ดเชิญออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท การ์ดจะเป็นกระดาษอัดรูปตามสมัยนิยม พื้นสีขาวเป็นมันวาว มีรูปเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ทางด้านขาว มีลายดอกไม้สีต่างๆ กระจายอยู่ทั่วไปบนส่วนอื่นๆ ของการ์ด และมีข้อความพิมพ์ทับลงไปบนรูปเหล่านั้น และตัวหนังสือสีฟ้าที่บอกเวลาจัดงานก็อยู่บนลายดอกไม้สีเหลืองนั้น พิมพ์ไว้ว่า 10.00 น.

“เฮ้ยพี่ ตายล่ะ งานเขาจัดสิบโมง พี่จอดเลย พี่จอด”
“งั้นเดี๋ยวผมเลี้ยวซ้ายตรงแยกหน้านี้ก่อนนะครับ จะได้หลบให้รถคันหลังไปได้”
“ได้พี่ จอดเลย จอด ผมไปไม่ทันแล้ว”

รถแท็กซี่จอดให้ลงที่แยกพรานนก เราเดินข้ามฝั่งไปขึ้นรถเมล์กลับบ้าน และรีบโทรไปบอกเมียที่กำลังเดินทางไปบ้านแม่ยาย ว่าโชคดีที่เธอไม่ได้มาด้วย เพราะเราไปไม่ทันงาน พอเล่าถึงตอนที่ลงจากแท็กซี่ แล้วเดินมาขึ้นรถเมล์กลับบ้าน เมียผมก็ถามขึ้นว่า

“อ้าวแล้วทำไมพี่หน่อยไม่ให้แท็กซี่ขับวนกลับมาส่งที่คอนโดล่ะ?”
“ไม่เอา เดี๋ยวคนขับแท็กซี่รู้ว่าอยู่ที่ไหน อายเขา อุตส่าห์แต่งสูทอย่างหล่อ แต่ดันโง่ไม่ดูเวลาให้ดี”
“พี่หน่อยอายเป็นด้วยเหรอ”
“เอ่อ อายเป็นคร๊าบ”

ใส่ความเห็น