วันจันทร์ที่ ๒๓ ที่ผ่านมา … ตอนเย็นๆ มีลูกค้าใช้งานเต็มร้าน เย้ …
แล้วลูกค้าชาวต่างชาติสองคนก็ใช้งานเสร็จ จ่ายตังค์แล้วลุกออกไป เป็นการมาใช้งานครั้งที่สองของคนทั้งคู่ (ครั้งแรกมาใช้เมื่อวันอาทิตย์)
เมื่อลูกค้าออกไปแล้ว เราก็ไปเคลียร์เครื่อง จึงเห็นว่าลูกค้าต่างชาติที่พึ่งออกไปนั้น ลืมเป้ไว้ที่เก้าอี้ (แขวนไว้กับพนักพิง)
ด้วยความหวังดี เราจึงรีบคว้าเป้ แล้วเปิดประตูออกไปดูทิศทางว่าเขาเดินกันไปทางไหน อ้อ เห็นแล้ว เดินไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลยเอาเป้วางไว้ที่เคาท์เตอร์ แล้วรีบอ้อมกลับเข้าไปที่โต๊ะทำงาน หยิบรองเท้าผ้าใบมาสวม … คือเวลาที่อยู่ที่ร้าน เราจะถอดรองเท้าไง แล้วเหลือแต่ถุงเท้า จะได้วิ่งลื่นไป ลื่นมาในร้านได้ (สนุกดี)
พอใส่รองเท้าเสร็จ ก็รีบกระโจนออกจากโต๊ะอ้อมเคาท์เตอร์เพื่อจะวิ่งตามลูกค้าต่างชาติสองคนนั้นไป .. ปรากฏว่า พื้นมันลื่น และเราก็รีบ เลยล้มคว่ำไปข้างหน้า ท่าหมาสี่ตีน … เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเพลงจากวิทยุหยุดลงพอดี .. เสียงดังพลั๊ก จึงเป็นเสียงเดียวที่ดังเด่นเป็นสง่าขึ้นมา ลูกค้าทั้งร้านหันมามองที่เราเป็นสายตาเดียว (คนน่ารักก็อย่างนี้แหละ เป็นที่สนใจเสมอ เขินจัง)
ตอนแรกว่าจะปล่อยมุกที่คิดขึ้นสดๆ ออกไปทันที แต่กลัวว่าจะวิ่งตามลูกค้าไม่ทัน เลยรีบวิ่งออกไปก่อน พอตามลูกค้าทันได้คืนเป้ให้เขาแล้ว ก็วิ่งกลับมาที่ร้าน แล้วรีบปล่อยมุกถามลูกค้าออกไปว่า “เมื่อกี้วัดแรงสั่นสะเทือนได้กี่ริกเตอร์ครับ?” … แต่ปรากฏว่า ลูกค้าคงอายแทนเรา เลยไม่มีใครตอบ ก้มหน้าก้มตาใช้งานกันใหญ่ -_-” (มุกแป๊ก)
ฮือๆ ได้แผลที่แขนขวาตรงใกล้ๆ ข้อมือด้วย แสบๆ อะ สงสัยจะเป็นตอนที่พยายามจะคว้าอะไรสักอย่าง แล้วพลาดหมด แขนเลยไปถูกับขอบโต๊ะ .. แต่ว่าอีกแผลนึงใหญ่กว่า เจ็บมากกว่าด้วยนะ … แผลตรงหน้าน่ะ … หน้าแตกกระจาย
บทสรุป หมองูตายเพราะงู คนชอบวิ่งลื่นๆ ในร้าน ก็ต้องล้มจับกบเข้าสักวัน (แต่ว่าไอ้คนที่ล้มคนนี้ไม่เข็ดนะ ทุกวันนี้ก็ยังคงวิ่งไถลลื่นๆ ในร้านอยู่เหมือนเดิม — แหะๆ)