วันหนึ่งผมคิดได้ว่า หลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาของผม ที่ทำให้รู้สึกดี หรือแย่ ล้วนมาจากการปรุงแต่งไปเองของจิตทั้งสิ้น เช่น
๑. ตาเห็นรูป หากเราเพียงแต่รับรู้ว่าเห็นรูป ไม่ปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปว่าเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ขาว สวย สะโพกผาย อกบึ้ม น่ามอง ไม่น่ามอง มันก็เป็นเพียงรูปและจบลงที่ตรงนั้น
๒. หูได้ยินเสียง หากเราเพียงแต่รับรู้ว่ามีเสียง ไม่ปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปว่าเขากำลังด่า นินทา ไพเราะ ไม่น่าฟัง หรือกำลังพูดเรื่องอะไร มันก็เป็นเพียงเสียงและจบลงที่ตรงนั้น
๓. จมูกได้กลิ่น หากเราเพียงแต่รับรู้ว่ามีกลิ่น ไม่ปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปว่า หอมหรือเหม็น มันก็เป็นเพียงกลิ่นและจบที่ตรงนั้น
๔. ลิ้นได้รับรสอาหาร หากเราเพียงแต่รับรู้ว่าเป็นรส ไม่ปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปว่าอร่อย ไม่อร่อย มันก็เป็นเพียงรสและจบลงที่ตรงนั้น
๕. กายรู้ถึงการสัมผัส และอุณหภูมิต่างๆ หากเราเพียงแต่รับรู้ว่าเป็นการสัมผัสถูก และรู้ว่ามีอุณหภูมิอยู่ ไม่ปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปว่าถูกใจ ไม่ถูกใจ สบาย ไม่สบาย มันก็เป็นเพียงรู้สัมผัสทางกายและจบลงที่ตรงนั้น
๖. ใจเกิดอารมณ์ หากเราเพียงแต่รับรู้ว่ามีอารมณ์เกิดขึ้น ไม่ปล่อยให้จิตปรุงแต่งไปว่าสุข ทุกข์ มันก็เป็นเพียงอารมณ์และจบลงที่ตรงนั้น
วันนั้นคิดได้ แต่สติและปัญญายังไม่เข้มแข็งพอที่จะระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้ทันทีที่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะฝึกจิตให้ไม่ปรุงแต่ง โดยเริ่มจากการไม่ปรุงก๋วยเตี๋ยว แต่เมื่อหัวค่ำนี้ผมพลาดไปเสียแล้ว เพราะไปกินบะหมี่หมูแดง รสที่ได้รับคำแรกก็ “อร่อย” แถมยังเกิดความอยากรู้ว่าถ้าใส่น้ำตาล พริกป่น กับพริกน้ำส้มลงไปจะอร่อยมากขึ้นไหมเสียอีก ทั้งๆ ที่ปกติ ผมไม่ค่อยจะปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว
คงต้องเตือนตนบ่อยๆ ฝึกบ่อยๆ เพื่อเจริญสติ และปัญญาให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม :)